Last updated: 13 ส.ค. 2568 | 1533 จำนวนผู้เข้าชม |
การเลือกสีทาไม้ไม่ใช่แค่เรื่องของความสวยงาม แต่เป็นเรื่องของการปกป้องเนื้อไม้ให้ทนทานและใช้งานได้ยาวนานยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาถึงสภาพแวดล้อม เช่น แสงแดด ฝน ความชื้น หรือการสัมผัสบ่อยครั้ง บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักประเภทของสีทาไม้ พร้อมข้อดี ข้อเสีย และการเลือกใช้งานให้เหมาะกับพื้นที่ทั้งภายนอกและภายใน
ประเภทของสีทาไม้
1. สีย้อมไม้ (Wood Stain)
ลักษณะ: ซึมซับเข้าไปในเนื้อไม้ ให้ลุคโปร่งแสง เห็นลายไม้ธรรมชาติ
ส่วนผสมหลัก: อาจเป็นน้ำมัน (oil‑based) หรือสูตรน้ำ (water-based) พร้อมมีสีผสม (pigment) ซึมลงในเนื้อไม้
ข้อดี:
ข้อเสีย:
ตัวอย่างการใช้งาน: พื้นไม้ภายนอก ระเบียง ผนังฝ้าไม้ เฟอร์นิเจอร์ไม้จริง ต้องการโชว์ลายไม้
ผลต่อธรรมชาติ:
2. สีทาไม้แบบทึบแสง (Solid Paint / Opaque Paint)
ลักษณะ: กลบลายไม้ทั้งหมด มีทั้งสูตรน้ำและสูตรน้ำมัน
แบ่งเป็น 2 สูตร:
ข้อดี: Oil‑based: ให้ผิวเรียบ เงา ทน > Acrylic: สะดวก ใช้ในร่มได้
ข้อเสีย:
Oil‑based: VOC สูง แห้งช้า ต้องใช้ทินเนอร์
Acrylic: ไม่ทนแดด-ฝนเท่าสูตรน้ำมัน
ตัวอย่างการใช้งาน: รั้วไม้, บานประตู, พื้นที่ภายนอกหรือไม้ตกแต่งที่ต้องการสีสันชัดเจน
ผลต่อธรรมชาติ: สูตรน้ำลด VOCs (สารระเหย) ได้มากกว่า ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
3. สีเคลือบไม้ใส (Wood Coating)
ลักษณะ: เป็นฟิล์มใสปิดทับผิวไม้ มีทั้งแบบเงาและด้าน
มีหลายสูตร
ข้อดี:
ข้อเสีย:
ตัวอย่างการใช้งาน: พื้นไม้ภายใน, เฟอร์นิเจอร์ไม้, Built-in, เคาน์เตอร์ งานไม้โชว์ลาย
ผลต่อธรรมชาติ: หากเป็นสูตรน้ำจะมีสารเคมีระเหยน้อยกว่า เป็นมิตรต่อผู้ใช้และสิ่งแวดล้อมมากกว่า อีกทั้งยังทำความสะอาดง่ายกว่าสูตรน้ำมัน
4. น้ำมันบำรุงไม้ (Wood Oil)
ลักษณะ: ซึมซับลึกเข้าเนื้อไม้ เสริมลายไม้ ดูเป็นธรรมชาติ โดยไม่สร้างฟิล์มหนาบนผิว
ข้อดี:
ข้อเสีย:
ตัวอย่างการใช้งาน: เฟอร์นิเจอร์ไม้ภายนอก, งานไม้ที่ต้องการลุคดิบธรรมชาติ เช่น ไม้สัก, ไม้โอ๊ค
ผลต่อธรรมชาติ: หากเป็นสูตรจากน้ำมันธรรมชาติ เช่น Linseed oil จะย่อยสลายง่ายและปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อม
5. สีรองพื้นไม้ / ไพรเมอร์ (Wood Primers / Sealers)
ลักษณะ: ชั้นแรกก่อนทาสีจริง ช่วยเพิ่มการยึดเกาะ และลดการดูดซึม
ข้อดี:
ข้อเสีย:
ตัวอย่างการใช้งาน: ใช้ก่อนทา Stain, Paint, PU เหมาะกับไม้ใหม่ ไม้ที่มีปัญหารอยด่าง หรือไม้ที่มี tannin สูง เช่น ไม้เนื้ออ่อน, ไม้ใหม่, ไม้ที่มีคราบน้ำมันเรซิน
ผลต่อธรรมชาติ:
การเลือกสีให้เหมาะกับพื้นที่ใช้งาน
ไม้ภายนอก:
ประเภทสีที่แนะนำ คือ สีย้อมไม้สูตรภายนอก, สีทึบแสงสูตรน้ำมัน, น้ำมันไม้ภายนอก เพราะต้องทนแดด ทนฝน และทนต่อความชื้นได้ดี
ไม้ภายใน:
ประเภทสีที่แนะนำ คือ สีเคลือบไม้ใส, สีย้อมไม้สูตรน้ำ, สีทึบแสงสูตรน้ำ เพราะเหมาะสำหรับพื้นที่ที่ต้องการโชว์ความสวยงาม แต่ไม่ต้องการทนแดดจัดหรือความชื้นสูงมากเท่าไหร่
พื้นไม้ / เฟอร์นิเจอร์
ประเภทสีที่แนะนำ คือ โพลียูรีเทน, แลคเกอร์, น้ำมันไม้สูตรเข้มข้น เหมาะสำหรับงานไม้ต้องการความทนทานต่อรอยขีดข่วน
งานโชว์ลายไม้
ประเภทสีที่แนะนำ คือ สีย้อมไม้, น้ำมันไม้ เพราะซึมซับบำรุงถึงชั้นเนื้อไม้ และให้สัมผัสความเป็นธรรมชาติที่สุด
สาร VOC คืออะไร?
VOC หรือ Volatile Organic Compounds คือ สารประกอบอินทรีย์ระเหยง่าย เป็นสารเคมีที่ระเหยกลายเป็นไอได้ง่ายที่อุณหภูมิห้อง
ในสีทาไม้และวัสดุเคลือบผิว มักมาจาก ตัวทำละลาย ที่ช่วยให้สีแห้งเร็วและติดทน
สีทาไม้กับสิ่งแวดล้อม
การเลือกสีทาไม้ที่ดีไม่ใช่เพียงแค่เลือก "สีที่ชอบ" แต่ต้องเข้าใจ "คุณสมบัติของไม้" และ "ลักษณะพื้นที่ใช้งาน" เพื่อให้ไม้ของคุณสวย ทน และอยู่ได้นานที่สุด อีกทั้งยังควรคำนึงถึง ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยเลือกสีสูตรน้ำหรือสูตรจากธรรมชาติเมื่อเป็นไปได้
21 ส.ค. 2568
23 ก.ย. 2567